วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2551

MonKiChi

ชื่อ Oyama no Monkichi ( หมายถึงภูเขาของลิงในภาษาญี่ปุ่น)
วันเกิด 13 มกราคม
สถานที่เกิด ญี่ปุ่น
บุคลิก
เจ้าลิงน้อยที่มีนิสัยสนุกสนานเฮฮา เขามักจะคุยอวดกับทุกๆคนเสมอว่าเขาเป็นเจ้าของแชมป์กินกล้วยได้เร็วที่สุดในโลก สถิติการกินของเขาก็คือสามารถกินกล้วยได้ 10 ใบภายในเวลาไม่ถึงนาที

Oyama no Monkichi's FRIEND

MOMO วันเกิด 3 มีนาคม สาวน้อยที่ใครๆก็ต้องหลงรัก

OO วันเกิด 1 กุมภาพันธ์ นิสัยสบายๆ ไม่มีปัญหา ยกเว้นกับวิชาเลขที่เขาเกลียดแสนเกลียด


Daikichi วันเกิด 5 พฤษภาคม ลิงหนุ่มน้อยที่คิดว่าตนเองเป็นลิงที่หน้าตาดีที่สุด

Monsuke วันเกิด 1 เมษายนนิสัยสบายๆ แม้บางครั้งจะป้ำๆเป๋อไปบ้างก็ตาม


Chieo วันเกิด 25 ธันวาคม มันสมองของกลุ่ม
Monta วันเกิด 26 พฤศจิกายน น้องชายของ Monkichi

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551

Vent

Le vent est un mouvement de l’atmosphère. Il peut apparaître sur n’importe quelle planète disposant d’une atmosphère. Ces mouvements de masses d’air sont provoqués par deux phénomènes se produisant simultanément : un réchauffement inégalement réparti de la surface de la planète par l’énergie solaire et la rotation de la planète.
Sur
Terre, plusieurs régions ont des vents caractéristiques auxquels les populations locales ont données des noms particuliers. Les vents sont une source d’énergie renouvelable, et ont été utilisés à travers les siècles à divers usages, par les moulins à vent, la navigation à la voile, le vol à voile ou plus simplement le séchage. La vitesse du vent est mesurée avec un anémomètre mais peut être estimée par une manche à air, un drapeau, etc.

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

*ความมืด..เพื่อนคนแรกของมนุษย์....แต่!!มนุษย์กลับไปหาแสงสว่าง


ความคิด.....ความเชื่อ.....สิ่งที่มนุษย์ทุกคนเชื่อมั่นมาตลอด......ใช่สิ่งที่ถูกต้องแน่เหรอ
คิดไปคิดมา.....มันเป็นแค่ความเชื่อของมนุษย์นี่......มันใช่ความถูกต้องแน่เหรอ
เหมือนกับการทะเลาะกันระหว่างเพื่อน.....ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองถูก.....ทั้งๆที่ ต่างฝ่ายต่างคิดไปเองว่าตัวเองถูก
เคยคิดในทางกลับกันบ้างมั้ย.....ถ้าความเชื่อของมนุษย์.....เป็นความชั่วที่ถูก....ความดีเป็นสิ่งที่ผิด
หลายคนอาจจะค้านขึ้นมาด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ ว่าถ้าความชั่วเป็นสิ่งที่ถูก แล้วทุกคนจะมีความสุขเหรอ....
นั่นก็ใช่......แต่ลองมองให้ลึกเข้าไปอีก.....พยายามทิ้งหลักความจริงที่ตัวเองและมนุษย์ทุกคนเชื่อมาตลอด
ความสุขที่แท้จริงของตนเป็นยังไง...... เราถูกสั่งสอนและป้อนข้อมูลมาตลอดว่า สิ่งนั้นมีความสุข สิ่งนั้นมันอบอุ่น
ลองคิดดูให้ลึกๆ.....ถ้าเราโดนสั่งสอน และป้อนข้อมูลว่า สิ่งที่ตัวเองทำแล้วไม่มีความสุขพอทำแล้วมีความสุขบ้างละ
มนุษย์ทุกคนอยู่บนหลักเหตุผลที่เรียกว่า "ข้อมูลที่ถูกสอนสั่งมาแต่เด็กๆ"
ตอนเด็กๆ รับรู้อะไร ฟังอะไร อ่านข้อมูลอะไร ก้จะกลายเป็นรากฐานให้กับตัวตนของตน
สีดำที่ผมเห็น จะเหมือนกับสีดำที่คุณเห็นรึเปล่า ก็ไม่มีใครทราบ
ความดีและความชั่วก็เหมือนกับกระดาษที่มี 2 ด้าน
ต่างกันสุดขั้ว....ไม่มีวันได้เจอกัน.....แต่ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่แค่อีกฝั่งซึ่งกันและกัน
เพราะฉะนั้น......ความดีและความชั่วที่เราเชื่อกันมาทุกวันนี้.....เป็นแค่ความเชื่อเฉยๆ......
ความดีและความชั่วที่แท้จริงนั้น......คือหลักเหตุผลและความคิดของแต่ละคนตังหาก
ไม่มีใครถูกใครผิดหรอก....เราไม่เคยรู้ซึ้งถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้อื่น......แล้วเราจะรู้จักความดีและความชั่วของเค้าได้อย่างไร
สีดำที่ผมเห็น จะเหมือนกับสีดำที่คุณเห็นรึเปล่า ก็ไม่มีใครทราบ.....
ความดีและความชั่วที่ผมเห็น จะเหมือนกับที่คุณเห็นรึเปล่า.....ก็ไม่มีใครทราบ......
มนุษย์เรานั้นอยู่กับความมืดก่อนที่จะได้พบกับแสงสว่าง.....เมื่อได้พบกับแสงสว่างจึงเข้าไปหามัน....เพราะมันสดใสกว่า สบายกว่า โล่งใจกว่า และเปิดเผยกว่า.....
ความมืดจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว.....มีแต่คนหลับไหลไปไม่สนใจ......ทั้งๆที่เพราะตัวเองไม่มีคุณสมบัติอย่างที่มนุษย์ต้องการ ไม่สดใส....ไม่สบาย....ไม่โล่งใจ....และไม่เปิดเผย
สำหรับเราแล้ว.....แสงสว่างช่วยทำให้เราได้พบเพื่อน....พบกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่ามีความสุขและอบอุ่น...
แต่ก็ไม่เคยมองข้ามความมืด..... ยามที่มีเรื่องต้องคิด....อยากอยู่เงียบๆ....ขอเวลาตัดสินใจอะไรบางอย่าง......
ความมืดคือสิ่งที่เราจะไปอยู่ด้วย......เพราะรู้สึกถึงความอบอุ่นในแบบของความมืด...ความสบายใจในแบบของความมืด.....และรู้สึกใจสงบอย่างบอกไม่ถูกเชื่อ....ความคิด..... ที่มนุษย์ ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น......
ทั้งความคิดที่ว่า ความดีนั้นถุกต้อง ความชั่วนั้นมันผิด......
มีใครเคยคิดบ้างมั้ยว่า.....
ความเชื่อนั้นมันผิดตลอดมา
ความคิด.....ความเชื่อ.....สิ่งที่มนุษย์ทุกคนเชื่อมั่นมาตลอด......ใช่สิ่งที่ถูกต้องแน่เหรอ
คิดไปคิดมา.....มันเป็นแค่ความเชื่อของมนุษย์นี่......มันใช่ความถูกต้องแน่เหรอ
เหมือนกับการทะเลาะกันระหว่างเพื่อน.....ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองถูก.....ทั้งๆที่ ต่างฝ่ายต่างคิดไปเองว่าตัวเองถูก
เคยคิดในทางกลับกันบ้างมั้ย.....ถ้าความเชื่อของมนุษย์.....เป็นความชั่วที่ถูก....ความดีเป็นสิ่งที่ผิด
หลายคนอาจจะค้านขึ้นมาด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ ว่าถ้าความชั่วเป็นสิ่งที่ถูก แล้วทุกคนจะมีความสุขเหรอ....
นั่นก็ใช่......แต่ลองมองให้ลึกเข้าไปอีก.....พยายามทิ้งหลักความจริงที่ตัวเองและมนุษย์ทุกคนเชื่อมาตลอด
ความสุขที่แท้จริงของตนเป็นยังไง...... เราถูกสั่งสอนและป้อนข้อมูลมาตลอดว่า สิ่งนั้นมีความสุข สิ่งนั้นมันอบอุ่น
ลองคิดดูให้ลึกๆ.....ถ้าเราโดนสั่งสอน และป้อนข้อมูลว่า สิ่งที่ตัวเองทำแล้วไม่มีความสุขพอทำแล้วมีความสุขบ้างละ
มนุษย์ทุกคนอยู่บนหลักเหตุผลที่เรียกว่า "ข้อมูลที่ถูกสอนสั่งมาแต่เด็กๆ"
ตอนเด็กๆ รับรู้อะไร ฟังอะไร อ่านข้อมูลอะไร ก้จะกลายเป็นรากฐานให้กับตัวตนของตน
สีดำที่เห็น จะเหมือนกับสีดำที่คุณเห็นรึเปล่า ก็ไม่มีใครทราบ
ความดีและความชั่วก็เหมือนกับกระดาษที่มี 2 ด้าน
ต่างกันสุดขั้ว....ไม่มีวันได้เจอกัน.....แต่ทั้ง 2 ฝ่ายอยู่แค่อีกฝั่งซึ่งกันและกัน
เพราะฉะนั้น......ความดีและความชั่วที่เราเชื่อกันมาทุกวันนี้.....เป็นแค่ความเชื่อเฉยๆ......
ความดีและความชั่วที่แท้จริงนั้น......คือหลักเหตุผลและความคิดของแต่ละคนตังหาก
ไม่มีใครถูกใครผิดหรอก....เราไม่เคยรู้ซึ้งถึงตัวตนที่แท้จริงของผู้อื่น......แล้วเราจะรู้จักความดีและความชั่วของเค้าได้อย่างไร
สีดำที่เห็น จะเหมือนกับสีดำที่คุณเห็นรึเปล่า ก็ไม่มีใครทราบ.....
ความดีและความชั่วที่เห็น จะเหมือนกับที่คุณเห็นรึเปล่า.....ก็ไม่มีใครทราบ......
มนุษย์เรานั้นอยู่กับความมืดก่อนที่จะได้พบกับแสงสว่าง.....เมื่อได้พบกับแสงสว่างจึงเข้าไปหามัน....เพราะมันสดใสกว่า สบายกว่า โล่งใจกว่า และเปิดเผยกว่า.....
ความมืดจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว.....มีแต่คนหลับไหลไปไม่สนใจ......ทั้งๆที่เพราะตัวเองไม่มีคุณสมบัติอย่างที่มนุษย์ต้องการ ไม่สดใส....ไม่สบาย....ไม่โล่งใจ....และไม่เปิดเผย
สำหรับเราแล้ว.....แสงสว่างช่วยทำให้เราได้พบเพื่อน....พบกับสิ่งที่ตัวเองเชื่อว่ามีความสุขและอบอุ่น...
แต่ก็ไม่เคยมองข้ามความมืด..... ยามที่มีเรื่องต้องคิด....อยากอยู่เงียบๆ....ขอเวลาตัดสินใจอะไรบางอย่าง......
ความมืดคือสิ่งที่เราจะไปอยู่ด้วย......เพราะรู้สึกถึงความอบอุ่นในแบบของความมืด...ความสบายใจในแบบของความมืด.....และรู้สึกใจสงบอย่างบอกไม่ถูก

วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เพื่อน~~


คอยเตือน ยามเพื่อนพลั้ง คอยฟัง ยามเพื่อนขอ
คอยรอ ยามเพื่อนสาย คอยพาย ยามเพื่อนพัก
คอยทัก ยามเพื่อนทุกข์ คอยปลุก ยามเพื่อนท้อ
คอยง้อ ยามเพื่อนงอน คอยสอน ยามเพื่อนผิด
คอยสะกิด ยามเพื่อนเผลอ คอยเจอ ยามเพื่อนหา
คอยลา ยามเพื่อนกลับ คอยปรับ ยามเพื่อนเปลี่ยน
คอยเรียน ยามเพื่อนเที่ยว คอยเคี่ยว ยามเพื่อนเล่น
คอยเย็น ยามเพื่อนร้อน คอยหอน ยามเพื่อนเห่า
คอยเฝ้า ยามเพื่อนฟุบ คอยอุบ ยามเพื่อนปิด
คอยคิด ยามเพื่อนถาม คอยปราม ยามเพื่อนหลง
คอยปลง ยามเพื่อนแกล้ง คอยแบ่ง ยามเพื่อนหมด
คอยอด ยามเพื่อนทาน คอยคาน ยามเพื่อนล้ม
คอยชม ยามเพื่อนชนะ คอยสละ ยามเพื่อนชอบ

อย่า!ลืมให้ความสำคัญกับคนที่คุณเรียกว่า "เพื่อน" นะ
โดยเฉพาะถ้าเค้าคือเพื่อนจริงๆ


... เธอทุกข์ - ฉันทุกข์ เธอสุข – ฉันสุข.....

วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เรื่องของพรหมลิขิต?!

ด้ายแดง.....มีใครรอเราอยู่.....จริงเหรอ???

....ในหลายๆ ความเชื่อเกี่ยวกับความรัก และคู่ชีวิต ..

ความเชื่ออันนึงที่เชื่อว่า..

คู่ชีวิตที่แท้จริง จะมีด้ายสีแดงผูกที่นิ้วก้อยข้างซ้าย เชื่อมกันไว้

รอจนวันนึง..ด้ายสีแดงนี้จะนำให้เขาทั้งสองมาพบกัน
และรักกันในที่สุด..

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2551

ว๊า จา...ปิดเทอมแร่ว ว


คิ๊ ถิ พื่ ร๊ !!


,, 5/7 a i m e m e n t ~



วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2551

MeMorii[z]


อ้าว!!ดิ่ ตูด ๕๕+

กี่นิ้วนั่น? นับๆ

<<< ดิ่ ตูด ภาค 2 กรั๊กๆ







ยังจะ^0^ >>>>>





, , เพื่ออารัย ? ?